เหตุการณ์เมื่อถูกน้ำพัด...
ข้อมูลจาก www.scubadiving.com
ที่ผิวน้ำ นักดำน้ำสองคน มองเรือที่ไม่มีคนประจำเรือของตน ค่อย ๆ ลอยกลายเป็นจุดเล็ก ๆ บนเส้นขอบฟ้า อย่างสิ้นหวัง ดาร์ลีนสังเกตุว่าเธอกำลังลอยผ่านแนวปะการังไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมองไปทางด้านขวา เธอเห็นกัลปังหางลู่ไปตามกระแสน้ำ เธอเริ่มไม่สบายใจ และหันไปส่งสัญญาณให้ Buddy ของเธอ เท็ด ทั้ง 2 หันกลับและเริ่มต้นดำกลับไปยังจุดเริ่มต้น เพื่อขึ้นสู่เรือที่ทอดสมอไว้ แต่การดำกลับเรือนั้นเป็นการดำสวนกับกระแสน้ำ ซึ่งทั้งสองรู้สึกว่ากระแสน้ำแรงขึ้นทุกที ไม่นานนักอากาศของดาร์ลีนลดต่ำลงจนเข้าสู่ระดับอันตราย เธอส่งสัญญาณให้เท็ดดำขึ้น เพื่อรักษาอากาศที่เหลือน้อยไว้ ทั้งสองขึ้นสู่ผิวน้ำที่มีคลื่นลมค่อนข้างแรง และพบว่าอยู่ห่างจากเรือที่ทอดสมอไว้ค่อนข้างมาก กระแสน้ำยังพัดพาให้ลอยออกห่างเรือมากขึ้น ในไม่ช้าเรือลำนั้นก็กลายเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ บนเส้นขอบฟ้าที่แสงสุดท้ายของวันกำลังสาดส่อง นักดำน้ำ ดาร์ลีนและเท็ดเป็นนักดำน้ำในวัยสี่สิบต้น ๆ ทั้งสองเป็นนักกีฬาทางน้ำที่มีประสพการณ์พอตัว การมาเที่ยวครั้งนี้ เป็นการฉลองครบรอบ 2 ปีที่ทั้งสองคบกัน ดาร์ลีนและเท็ดเลือกมาเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ โดยใช้เรือใบของเท็ด เพราะต้องการที่อยู่กันตามลำพังและเที่ยวได้อย่างมีอิสระ ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน อย่างไรก็ดี ก่อนการมาเที่ยวคราวนี้ ทั้งสองเตรียมตัวเพิ่มเติมโดยเข้าเรียน Advanced Open Water การดำน้ำ หลังจากด้ำน้ำตื้น บริเวณแนวปะการังมา 4 วัน ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะใช้โอกาศที่ทะเลเงียบและอากาศดี ออกดำน้ำลึกด้านที่รับลมของเกาะ เป็นเวลาบ่าย ๆ เมื่อดาร์ลีนและเท็ดทอดสมอเรือและดำดิ่งไปที่ความลึก 50 ฟิต อุบัติเหตุ หลังจากดำน้ำได้ราว 30 นาที ดาร์ลีนและเท็ดเริ่มสังเกตุว่ากำลังลอยผ่านเหนือแนวปะการังและทัศนะวิสัยเริ่มลดลง แต่ทั้งคู่คิดว่า ความมืดครึ้มนั้น น่าจะมาจากการที่ดวงาทิตย์เริ่มลดต่ำลง อีก 10 นาทีต่อมา ดาร์ลีนรู้สึกว่ากระแสน้ำแรงขึ้นและเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อนึกได้ว่าทั้งคู่ได้ละเลยกติกาการดำน้ำอย่างหนึ่ง คือเริ่มดำน้ำจากเรือไปตามกระแสน้ำ แต่ตอนนั้นกระแสน้ำอ่อนมาก จนเธอไม่คิดว่าการดำน้ำตามกระแสนั้น จะเป็นปัญหาแต่อย่างใด (สิ่งที่ควรจะเป็นคือเมื่อลงน้ำควรดำไปในทิศทวนกระแสน้ำก่อน แล้วจึงว่ายตามกระแสน้ำกลับมา) หลังจากพยายามสู้กระแสน้ำเพื่อกลับเรือได้ชั่วครู่ ทั้งคู่ตัดสินใจขึ้นสู่ผิวน้ำ และพยายามที่จะลอยตัวอยู่ใกล้ ๆ กันตลอดเลา แต่โชคร้ายที่กระแสน้ำยังคงพัดพาออกห่างจากเรืออยู่เรื่อย ๆ เพื่อเป็นการประหยัดอากาศและกันไม่ให้สำลักน้ำ ดาร์ลีนและเท็ดเปลี่ยนมาใช้ท่อหายใจ ถอดน้ำหนักทิ้งและยิง sausage เท็ดมีไฟฉายสำหรับให้สัญญาณบนผิวน้ำติดตัวอยู่ แต่น่าเสียใจทีถ่านไม่มีไฟเหลืออยู่แล้ว เท็ดระลึกได้ในตอนนั้นว่าเขาไม่ได้ใช้ไฟฉายนี้หลายเดือนแล้วและไม่ได้ recharge ถ่านก่อนนำลงน้ำไปด้วย ถึงตอนนี้ไฟฉายส่งสัญญาณก็กลายเป็นเพียงตัวถ่วงน้ำหนักเท่านั้นเอง เมื่อยามค่ำมาถึง กระแสน้ำพัดทั้งคู่อ้อมมุมเกาะและเรือก็ลับหายจากสายตา การช่วยเหลือ เคราะห์ร้ายที่ทั้ง 2 คนโดนกระแสน้ำพัดหลุดลอยไปในบริเวณที่ไม่ค่อยมีเรือวิ่งผ่าน ประกอบทั้งการที่ทั้งคู่ไม่ได้แจ้งแผนการของตนให้ผู้อื่นทราบ เพื่อที่จะได้คอยดูว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติหรือไม่ ดาร์ลีนและเท็ดจึงต้องลอยคออยู่ทั้งคืน โดยไม่มีใครออกติดตาม ตลอดทั้งคืน ทั้งสองคน พยายามอยู่ใกล้ ๆ กันและพูดคุยกัน เพื่อปลอบใจและเป็นเพื่อนซึ่งกันและกัน นอกจากนี้แล้วการพูดคุย ยังช่วยไม่ให้คนใดคนหนึ่องหลับ เพราะนั่นย่อมหมายถึงการเกิด hypothermia นั่นเอง สิ่งเดียวที่พอจะเป็นเครื่องปลอบใจของคนทั้งสอง คือแสงไฟจากเกาะที่เห็นอยู่ลิบ ๆ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เรือตกปลาที่ออกมาท่องเที่ยวหาแหล่งตกปลา พบทั้งคู่ลอยคออยู่ จึงช่วยขึ้นมาบนเรือ ให้อาหาร ดูแลอย่างดีแล้วนำมาส่งที่เกาะ ต้องนับว่าเป็นโชคดีของดาร์ลีนและเท็ดจริง ๆ เพราะไม่เพียงแต่จะปลอดภัยเท่านั้น แต่เมื่อทั้งคู่เช่าเรือเล็ก ๆ ให้พาไปส่งที่ที่เรือใบทอดสมออยู่ ก็พบว่าเรือใบนั้นไม่มีอะไรเสียหายเลย ยกเว้นผ้าใบที่ขาด เนื่องจากทนกระแสลมไม่ได้ การวิเคราะห์ แม้ว่าทั้งคู่จะได้มีการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้มาแล้วเป็นอย่างดี แต่ความผิดข้อแรกคือการที่ไม่ตรวจสอบให้แน่ใจว่า อุปกรณ์นั้น ๆ ยังใช้งานได้อยู่หรือไม่ ความผิดข้อต่อมาเกิดจากการที่ทั้งคู่ต้องการปลีกตัวไปหาความสุขตามลำพัง จึงไม่ได้แจ้งแผนการดำน้ำ หรือแม้แต่กำหนดเวลาที่เขาควรจะกลับมาอย่างปลอดภัยให้ใครทราบ และเมื่อไม่ต้องการให้มีผู้อื่นไปด้วย จึงจำเป็นต้องทิ้งเรือจอดไว้ โดยไม่มีคนประจำเรือ ดาร์ลีนและเท็ดไม่ปฏิบัติตามกฏความปลอดภัยหลายอย่าง แต่อย่างน้อยสิ่งที่ทั้งคู่ทำถูกต้อง คือเมื่อสถาณการณ์เลวร้าย ต้องรักษาสติให้มั่น ไม่ตื่นตระหนกและพยายามหาทางเอาชีวิตรอดอย่างดีที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ต้องรับว่า โชคก็มีส่วนช่วยให้ทั้งคู่ปลอดภัยเช่นกัน ดาร์ลีนอธิบายว่า “พระเจ้าดูแลคนเมาและคนโ ง่เสมอ” และเท็ดก็พูดต่อว่า “แต่ผมก็ไม่คิดจะลองใจพระเจ้าอีกครั้ง โดยการทำตัวเป็นคนแบบนั้นใต้น้ำหรอกครับ” เหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่า 1. ตรวจสอบอุปกรณ์ดำน้ำทุกชิ้น ก่อนใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย ๆ 2. อย่าจอดเรือทิ้งไว้ โดยไม่มีใครอยู่บนเรือ คนประจำเรือจะช่วยได้อย่างมาก โดยการเลื่อนเรือไปรับนักดำน้ำที่ถูกกระแสน้ำพัดออกไป นอกจากนี้แล้ว คนที่อยู่บนเรือนั้นต้องเป็นคนที่ใช้วิทยุบนเรือเป็นด้วย 3. ในกรณีที่ใช้เรือส่วนตัวเป็นเรือดำน้ำ ต้องแจ้งแผนการดำน้ำและเวลาที่ไปและกลับโดยประมาณให้กับคนบนฝั่ง ในกรณีที่เวลาหรือแผนการดำน้ำเปลี่ยนไป ให้ใช้วิทยุหรือโทรศัพท์มือถือแจ้งกับคนนั้นได้ 4. กระแสน้ำเปลี่ยนได้เสมอ ดังนั้นเมื่อเริ่มดำน้ำ ให้ดำทวนกระแส แม้ว่าในช่วงนั้นกระแสน้ำจะอ่อนสักเพียงใดก็ตาม 5. เมื่อดำน้ำจากเรือส่วนตัว ให้ดำในบริเวณที่มีการเดินเรือหรือการดำน้ำพอประมาณ เพื่อที่จะมีคนช่วยเหลือในยามต้องการ